วันศุกร์ที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2553

ประวัติ Hello Kitty



เกิดเมื่อวันที่ 1 พฤศจิกายน
กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษมัน้ำหนักตัวเท่ากับแอปเปิ้ล 3 ผล
เจ้า Kitty
เป็นแมวเด็กหญิงตัวเล็ก ซึ่งชอบการทำ คุกกี้เป็นชีวิตจิตใจ นอกจากนี้ยังชื่น ชอบ
ลูกกวาด
ดาว และปลาทอง ฯลฯ อีกด้วย

แมวเหมียวสีชมพูคาแรกเตอร์การ์ตูน “ ฮัลโหล คิตตี้ ”
ที่น่ารักน่าชังขวัญใจ ของกลุ่มคนหลายวัยได้ถูกนำมาใช้เป็นสัญลักษณ์ โลโก้ ยี่ห้อ

ดัดแปลงให้เข้ากับ ผลิตภัณฑ์นานาชนิด ที่มีราคาไม่กี่สิบบาทไปจนถึงหลักล้านบาท
อาทิเช่น สินค้าจำพวกโทรศัพท์มือถือ , โน้ตบุ๊ก , คอมพิวเตอร์ พีดีเอ ,
ยูเอสบี
ฮับ , กระติกน้ำร้อน และสินค้าอื่นๆ ถูกวางขายตั้งแต่ 30 ปีเศษที่ผ่านมา
ความนิยมในตัวการ์ตูนแมวเหมียว ถูกต้อนรับจาก กลุ่มวัยรุ่นที่เป็นต้นแบบ

ของความน่ารัก “ คิกขุ ” โดยจะมีกลุ่มใหม่ๆ
เกิดขึ้นมาเพื่อหลงใหลเพิ่มขึ้นตลอดเวลา และคงไม่มีใครคิดว่า จะสร้างรายได้ให้
บริษัทซานริโอถึงปีละ
1,000 ล้านดอลลาร์ หรือกว่า 41,000 ล้านบาท
โดยเป็นรายได้จากการขายตัวลิขสิทธิ์คาแรกเตอร์ “ ฮัลโหล คิตตี้ ” ได้ถึง 500
ล้านดอลลาร์สหรัฐฯหรือประมาณกว่า 20,000 ล้านบาท ถูกนำไปใช้กับสินค้าทั่วโลกกว่า
22,000 ชนิด แม้กระทั่งมิตซูบิชิยังใช้โลโก้นี้
ผลิตรถมินิคาร์สีชมพ
โดยในแต่ละเดือนจะมีสินค้าใหม่ๆ เข้ามาถึง 600 ชนิด เพราะเป็นสินค้าที่ขายได้
มีกลุ่มลูกค้าชัดเจน ขณะที่ซานริโอเองผลิตสินค้าของตนภายใต้ยี่ห้อฮัลโหล
คิตตี้ประมาณ 6,000 ชนิด โดยที่เจ้าของมีกฎข้อห้ามไม่ให้นำไปใช้กับผลิตภัณฑ์ยาสูบ ,

แอลกอฮอล์ และอาวุธ นายชินทาโร ซึจิ ผู้ก่อตั้งบริษัทซานริโอมาตั้งแต่ปี 2503
ได้สิทธิ์ขายสินค้า “ สนู X  ” และ “ บาร์บี้ ” ในญี่ปุ่น
ต่อมาคิดค้นตัวฮัลโหล คิตตี้ ออกมาในปี 2513
จนปัจจุบัน
คาแรกเตอร์การ์ตูนของซานริโอมีอยู่กว่า 400 ตัว ตัวที่ประสบความสำเร็จ
ที่สุดก็คือแมวเหมียวฮัลโหล คิตตี้ ตามด้วยสุนัข “ ซินนามอร์โรลล์ ”
และแมว “
ช็อกโกแค็ท ” แน่นอนว่าฮัลโหล คิตตี้ จะต้องเป็นผู้เลี้ยงดูตัวคาแรกเตอร์ อื่นๆ
ที่ยังไม่สามารถแจ้งเกิดได้ สิ่งที่ท้าทายซานริโอในขณะนี้ก็คือ
รายได้หลักที่มีอยู่ถึง 85% อยู่ในประเทศญี่ปุ่น
ขณะที่อัตราการขยายตัวของประชากรอยู่ในระดับต่ำมาก
เกือบศูนย์เปอร์เซ็นต์
อีกทั้งการละเมิดลิขสิทธิ์ยังเป็นอุปสรรคขวากหนามหลัก
และยังมีการประเมินกันว่ามียอดละเมิดลิขสิทธิ์อยู่เกือบ 800 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

หรือกว่า 32,000 ล้านบาท โดยสินค้าเกือบทั้งหมดจะมาจากประเทศจีน

ยิ่งในปัจบันเป็นยุคสังคมดิจิตอลที่สินค้าไฮเทค ถูกประดิษฐ์คิดค้นออกมาจำนวนมาก
แต่ไม่ว่าจะไฮเทคแค่ไหน ฮัลโหล คิตตี้ ก็ยังจะเป็นที่นิยม
ไปอีกแสนนานตราบที่ยังมีลูกค้าที่ ภักดีกับ แมวเหมียวตัวนี้

บายคร้า


อ่านต่อ : http://www.dek-d.com/board/view.php?id=707638#ixzz191IwY4LT